Cannabis has shown in clinical trial and research

ทั่วโลกต่างสนใจ การใช้กัญชาทางการแพทย์ในประเทศต่างๆ Medical Cannabis

หลายประเทศทั่วโลกมีการสนับสนุนให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยอย่างถูกกฎหมาย โดยแต่ละประเทศก็มีนโยบายและรูปแบบการกำกับดูแลที่แตกต่างกันไป อาทิ การจำกัดการใช้ที่เข้มงวดเฉพาะในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ยาสำเร็จรูปเท่านั้น บางประเทศอนุญาตให้ใช้ในตำรับของสมุนไพรรับประทาน หรือให้ใช้ส่วนของช่อดอกแห้งเพื่อสูบ บางประเทศอนุญาตให้ใช้ในรูปแบบของยาเตรียมที่ถูกปรุงขึ้นตามใบสั่งแพทย์สำหรับคนไข้เฉพาะรายเท่านั้น (magistral preparation) เช่น ขี้ผึ้งและน้ำมัน เป็นต้น นอกจากนี้ในบางประเทศยังอนุญาตให้ผู้ป่วยปลูกกัญชาเพื่อรักษาตัวเองได้อีกด้วย

อุรุกวัย
ถือเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุญาตให้มีการจำหน่ายกัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์รวมถึงการใช้ในอุตสาหกรรม และสันทนาการได้อย่างถูกกฎหมาย

โดยในกฎหมายอนุญาตสิทธิการจำหน่ายนี้ให้เฉพาะร้านขายยาที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น ปัจจุบันประเทศอุรุกวัยมีร้านขายยาที่สามารถจำหน่ายกัญชาได้เพียง 17 ร้าน โดยผู้ซื้อจำเป็นต้องลงทะเบียนกับหน่วยงานรัฐก่อนและต้องมาต่อคิวซื้อที่ร้านเอง ไม่สามารถซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ได้ นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้สามารถซื้อได้เพียงคนละ 10 กรัมต่อสัปดาห์เท่านั้น และมีการจำกัดระดับความแรงของกัญชา โดยปริมาณสาร THC ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทจะต้องสมดุลกับปริมาณสาร CBD กัญชาที่จำหน่ายตามร้านขายยาในอุรุกวัย จะมีความเข้มข้น 4 ระดับให้เลือกใช้ ราคาจำหน่ายถูกควบคุมโดยกฎหมายอยู่ที่ประมาณ 5 ปอนด์ (ประมาณ 210 บาท) ต่อยูนิต

รัฐบาลอุรุกวัย ไฟเขียวให้ภาคเอกชนสามารถปลูกและผลิตสาร THC เพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ และมีตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา เยอรมนี และประเทศอื่นๆ ในยุโรป

สหราชอาณาจักร
ปรับปรุงกฎหมาย the Misuse of Drugs Regulations 2001 เพื่ออนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติทะเบียนตำรับ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 โดยกฎหมายใหม่จะไม่จำกัดข้อบ่งใช้สำหรับการรักษา และแพทย์ไม่จำเป็นต้องขออนุมัติจากคณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ ทั้งนี้การตัดสินใจสั่งจ่ายยากัญชาที่ยังไม่ได้รับอนุมัติทะเบียนตำรับเหล่านี้จะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป (GP) และให้พิจารณาสั่งจ่ายเป็นรายกรณี เฉพาะเมื่อผู้ป่วยในกลุ่มที่ไม่ได้รับผลการรักษาที่น่าพอใจจากการใช้ผลิตภัณฑ์ยาอื่นๆ ที่ผ่านการอนุมัติทะเบียนแล้วเท่านั้น

เนเธอแลนด์
มีการอนุญาตให้ใช้กัญชาได้ในสถานที่ที่รัฐอนุญาต และให้มีการซื้อขายกัญชาได้จากสถานที่ที่ได้รับอนุญาตและภายในปริมาณที่กำหนดตามกฎหมาย ทั้งในรูปแบบสันทนาการและการใช้กัญชาในทางการแพทย์ โดยกฎหมายกำหนดให้สามารถจำหน่ายและเสพกัญชาได้ เฉพาะที่ Coffee Shops ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากเทศบาลท้องถิ่นโดยมีการควบคุมกัญชาให้มีปริมาณสาร THC ไม่เกินที่กำหนด รวมถึงห้ามจำหน่ายกัญชาให้กับเด็กและเยาวชนโดยเด็ดขาด รวมถึงควบคุมไม่ให้มีการโฆษณาเกี่ยวกับกัญชาด้วย สำหรับการใช้กัญชาทางการแพทย์ ร้านขายยาสามารถจำหน่ายได้ตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น

สเปน
อนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้กัญชาได้ในพื้นที่ส่วนตัว

เลโซโท
เป็นประเทศแรกในทวีปแอฟริกาที่อนุญาตให้มีการเพาะปลูกกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างถูกกฎหมาย

อิตาลี
ออกกฎหมายให้สามารถใช้กัญชาทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยได้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 โดยในช่วงแรกนำเข้ากัญชาจากประเทศเนเธอแลนด์ ต่อมาจึงกำหนดให้กองทัพรับหน้าที่ปลูกและผลิตกัญชา โดยประชาชนสามารถซื้อกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชาตามใบสั่งแพทย์ได้จากร้านขายยาที่ได้รับอนุญาต

แคนาดา
อนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยได้ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1999 และอนุญาตให้มีการเสพเพื่อสันทนาการได้ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2018 สำหรับการใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ผู้ป่วยต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ และสามารถหาซื้อกัญชาทางการแพทย์ได้จากร้านขายยาที่มีใบอนุญาตจำหน่ายเท่านั้น สำหรับการใช้ในเชิงสันทนาการ อนุญาตให้ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถครอบครองกัญชาในที่สาธารณะในปริมาณไม่เกิน 30 กรัม (ของกัญชาแห้ง) หรือรูปแบบอื่นๆ ที่เทียบเท่ากัน

ร้านที่ได้รับอนุญาตสามารถจำหน่ายกัญชาทั้งแบบแห้งหรือสด และน้ำมันกัญชา ในปริมาณที่ไม่เกิน 30 กรัม ให้แก่บุคคลอื่นที่อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ได้ นอกจากนี้ประชาชนยังสามารถปลูกกัญชาไว้ใช้เอง โดยใช้เมล็ดพันธุ์ หรือต้นกล้าที่ได้รับอนุญาตแล้ว และปลูกได้ไม่เกิน 4 ต้นต่อครอบครัว โดยต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐ อีกทั้งยังสามารถใช้กัญชาเป็นส่วนประกอบของอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องสำอางได้ โดยต้องมีปริมาณสาร THC ไม่เกินที่กำหนด

สหรัฐอเมริกา
อนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้แล้ว 33 รัฐ จากทั้งหมด 50 รัฐ โดยแต่ละรัฐจะมีรูปแบบการกำกับดูแลเฉพาะตัวแตกต่างกันไป ทั้งนี้ในภาพรวมคือ การใช้กัญชาทางการแพทย์ต้องมีใบสั่งแพทย์ และสามารถซื้อกัญชาทางการแพทย์ได้จากร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

เม็กซิโก
ออกกฎหมายเพื่ออนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยได้ ตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ. 2017 ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอร่างกฎหมายที่จะอนุญาตให้กัญชาทางการแพทย์และสันทนาการอย่างถูกกฎหมาย โดยจะเสนอให้มีการอนุญาตให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป สามารถครอบครองและซื้อกัญชาจากผู้ค้าปลีกที่ได้รับใบอนุญาต รวมถึงสามารถปลูกกัญชาได้ 4 ต้น

แอฟริกาใต้
ผ่านกฎหมายให้ผู้ใหญ่สามารถปลูก ครอบครองและใช้กัญชาในพื้นที่ส่วนตัวได้ในปี ค.ศ. 2018

บราซิล
ออกกฎหมายให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ใน ปี ค.ศ. 2014 โดยจำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์

เกาหลีใต้
อนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้ แต่มีการควบคุมอย่างเคร่งครัด

ออสเตรเลีย
ออกกฎหมายให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด แพทย์สามารถสั่งจ่ายผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติทะเบียนตำรับให้แก่ผู้ป่วยได้ ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดหลายประการ เช่น ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เฉพาะทาง และจะต้องพิสูจน์ว่ายาหรือวิธีการรักษาตามมาตรฐานที่มีอยู่ไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นได้ต้องมีการลงนามร่วมกันของแพทย์และผู้ป่วยเพื่อแสดงถึงการยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้กัญชา ทั้งนี้การสั่งจ่ายกัญชาดังกล่าวจะต้องได้รับอนุมัติจากหน่วยงานรัฐ โดยพิจารณาคำขอสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย ขณะนี้ประเทศออสเตรเลียตั้งเป้าเป็นผู้นำในการส่งออกสารสกัดกัญชาเพื่อการแพทย์ โดยแก้กฎหมายให้สามารถขายกัญชาไปยังตลาดต่างประเทศได้ (เช่นเดียวกับ แคนาดา เนเธอร์แลนด์ อุรุกวัย และอิสราเอล)

ความเปลี่ยนแปลงเรื่องกัญชาที่เกิดขึ้นรอบโลก

  • จาไมกา และโปรตุเกส การซื้อขายกัญชายังผิดกฎหมายอยู่ แต่การมีกัญชาปริมาณเล็กน้อยในครอบครองไม่ผิดกฎหมาย
  • เลบานอน อยู่ระหว่างพิจารณาการผลิตกัญชาเพื่อการแพทย์อย่างถูกกฎหมาย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ
  • มาเลเซีย มีผู้ถูกตัดสินประหารชีวิต เพราะขายน้ำมันกัญชา
  • นิวซีแลนด์ อยู่ระหว่างเตรียมการจัดทำประชามติเรื่องการใช้กัญชาเพื่อการผ่อนคลายอย่างถูกกฎหมาย ภายใน 3 ปีข้างหน้า

จะเห็นได้ว่าหลายประเทศได้มีการขับเคลื่อนนโยบายการใช้กัญชาทางการแพทย์ในรูปแบบและทิศทางที่หลากหลาย ไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่เริ่มเข้าสู่ยุคการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมายในช่วงปีที่ผ่านมา จำเป็นต้องใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการศึกษาวิจัยเพื่อเพิ่มความมั่นใจต่อทั้งประชาชนและวงการสาธารณสุขในการใช้ประโยชน์จากกัญชาในทางการแพทย์อย่างกว้างขวางต่อไป

บทความ โดยกระทรวงสาธารณสุข

ปรึกษาแพทย์ไม่มีค่าใช้จ่าย

? ติดต่อสวัสดีคลีนิกเวชกรรม

02-972-4013 ,02-972-4014 ,02-972-3981 ,093-438-1515

www.sawasdeeclinic.com

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *