จากข้อมูลการศึกษาของสื่อวิชาการระดับชาติของสหรัฐอเมริกา เรื่องประโยชน์ของกัญชาและสารแคนนาบินอยด์จากกัญชา ยังมีข้อจำกัดหลายๆอย่างอาทิ นโยบายของรัฐบาลกลางสหรัฐที่ทำให้ กัญชายังคงอยู่ในพระราชบัญญัติสารควบคุม ประเภทที่ 1 ในกลุ่มเดียวกับสารโคเคนและยาบ้า กฎระเบียบนี้ปิดกั้นความสะดวกในการดำเนินการวิจัยที่เชื่อมของศูนย์การแพทย์และสถาบันการศึกษาจำนวนมากในการวิจัยผลของการใช้กัญชาทางการแพทย์ให้สหรัฐอเมริกา
According to The National Academies Press 2017 report “The Health Effects of Cannabis and Cannabinoids: The Current State of Evidence and Recommendations for Research,” several barriers are preventing American scientists from studying the controversial plant — or at least making it unreasonably difficult.
At the state level, a majority of Americans now have access to medicinal or recreational cannabis, but the federal government remains staunchly in opposition to changing its policies. Marijuana remains on the Controlled Substances Act under a Schedule I Classification with cocaine and methamphetamines. This regulation prevents many federally connected research facilities, medical centers, and academic institutions from pursuing cannabis in any meaningful manner.
ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทย แคนาดา และอิสราเอล ประเทศชั้นนำอื่นๆ จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการวิจัยประโยชน์กัญชาทางการแพทย์แทน ประเทศเหล่านี้ล้วนมีความคล้ายคลึงกันและแตกต่างกันในการดำเนินการควบคุม การเพาะปลูก การผลิต และการจ่ายยากัญชาภายในประเทศ ประเทศไทย แคนาดา และอิสราเอลต่างสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์สนับสนุนและเปิดกว้างสำหรับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของกัญชา ตามสภาพสังคม และบริบทของตนเอง
Israel, Canada, and Thailand are some of the biggest centers for cannabis research today. An outsider may notice there are few similarities between how each country regulates the cultivation, production, and consumption of the plant within their state borders. Yet, each country has created a unique, supportive, and relatively open environment for the scientific study of cannabis.
ประเทศไทย
นโยบายด้านกัญชาของไทยดำเนินมาอย่างก้าวกระโดด จากประเทศที่มีบทลงโทษเข้มงวดมาก เป็นประเทศที่พลิกฟื้นนโยบายด้านกัญชาทางการแพทย์อย่างรวดเร็ว เป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียที่กำลังถูกจับตามอง เรียกได้ว่าคงได้เห็นประเทศเพื่อนบ้านเดินตามรอยต่อไป
ตั้งแต่ปี 2561 ที่เรามีการผ่อนคลาย เปิดโอกาสด้านนโยบายการวิจัยกัญชาทางการแพทย์
หากการคาดการณ์ของตลาดเป็นจริงตลาดเอเชียสามารถแซงหน้าตลาดอเมริกาภายในห้าถึงสิบปี ในฐานะประเทศผู้ริเริ่ม ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเป็นผู้นำกัญชาทั่วทั้งภูมิภาค
Thailand went from a country with some of the strictest punishments for cannabis to a country ready for the medical cannabis revolution. Seemingly overnight, the country has transformed its legal stance and social opinion on cannabis use. It’s an incredible transformation.
Since the legalization of medical cannabis in 2018, the Thai government is maintaining strict control over production and cultivation. As the market matures, this regulation is expected to change.
In 2020, the government also made the announcement it was planning on opening a network of cannabis clinics. According to reports, demand is so high. Sawasdee Clinic is located in North of Bangkok are widely recognised for alternative cancer support, depression and PTSD support, and other chronic diseases treatment.
If market predictions are anything to go by, the Asian market may “challenge or surpass” the American market within five to ten years. As the only state on the continent with legal access, Thailand is poised to becoming the cannabis leader for the entire region as more countries come online in the coming years.
แคนาดา
ประเทศแรกที่เปิดกฎหมายกัญชาด้านนันทนาการ ผู้นำระดับโลกในการวิจัยเกี่ยวกับกัญชา รัฐบาลแคนาดามีประวัติอันยาวนานในการวิจัยกัญชาที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางซึ่งมีการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ในปี 2562 รัฐบาลประกาศการระดมทุนรอบล่าสุดจำนวน 24.5 ล้านดอลลาร์แบ่งเป็น 26 โครงการ ความคิดริเริ่มการวิจัยเหล่านี้ทั้งหมดเป็นพันธมิตรกับสถาบันวิจัยสุขภาพของแคนาดาค้นหา cannabinoids ในการรักษาอาการปวดวิตกกังวลและอีกหลายวิธีในการลดอันตราย
มหาวิทยาลัยหลายแห่งในแคนาดาได้สร้างคณะที่มีความแข็งแกร่งซึ่งอุทิศตนเพื่อการแสวงหาวิทยาศาสตร์กัญชา หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดคือศูนย์การวิจัยยากัญชาของ Michael G. DeGroote ที่มหาวิทยาลัย McMaster จนถึงขณะนี้โครงการได้ตรวจสอบกัญชาจากมุมมองของการติดยาเสพติดและสุขภาพจิตกัญชาเพื่อความเจ็บปวดและการประเมินคุณสมบัติทางชีวเคมีของกัญชาอีกสองสามคน
With Canada as the first developed nation to introduce recreational legislation, it perhaps should come as no surprise to see it as a world leader in cannabis-focused research. The Canadian government has a long history of federally funded cannabis research, which has only grown in a post-legalization environment.
In 2019, the government announced the latest round of funding, a total of $24.5 million divided among 26 projects. These research initiatives, all in partnership with the Canadian Institutes of Health Research, looked at cannabinoids for the treatment of pain, anxiety, and several on harm reduction.
Several universities within Canada have built robust faculties dedicated to the pursuit of cannabinoid sciences. One of the most prominent examples is the Michael G. DeGroote Centre for Medicinal Cannabis Research at McMaster University. So far, its projects have examined cannabis from addiction and mental health perspectives, cannabis for pain, and a few other assessments of biochemical properties of cannabis.
อิสราเอล
เมื่อพูดถึงการศึกษากัญชาทางการแพทย์อิสราเอลเป็นหัวหน้านำทั่วโลกไปไกลแสนไกล บางคนถึงขนาดเรียกอิสราเอลในฐานะ “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของกัญชาทางการแพทย์” ที่น่าสนใจคืออิสราเอลมีจำนวนผู้ป่วยกัญชาทางการแพทย์สูงสุด เทียบกับจำนวนประชากร แต่กัญชาก็ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเหมือนกับในประเทศแคนาดา แม้ว่าอาจมีความลังเลที่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมายของพืชอย่างสมบูรณ์ แต่รัฐบาลอิสราเอลมีประวัติศาสตร์ยาวนานในการสนับสนุนการวิจัยกัญชา มีงานวิจัยทางการแพทย์จำนวนมากที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ที่มีความสมบูรณ์ทั้งผลลัพท์ และจำนวนคนไข้ผู้เข้าร่วมวิจัย แต่คนไทยไม่ต้องกังวลไปเลยว่าเมืองไทยจะน้อยหน้า หากผู้ป่วยได้รับการเข้าถึงยา
นอกจากการสนับสนุนจากรัฐบาลในอิสราเอลที่ท่วมท้นแล้ว ยังมีโรงพยาบาลที่เข้าร่วมหลายแห่งที่สนับสนุนการทดลองกัญชาทางคลินิกและพรีคลินิกในผู้ป่วย จนถึงขณะนี้การศึกษาที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลบางแห่งได้ตรวจสอบคุณค่าทางการแพทย์ของกัญชาสำหรับความเจ็บปวดเคมีบำบัดภาวะสมองเสื่อมและการดูแลผู้สูงวัย และอื่นๆอีกมากมาย
When it comes to the study of medical cannabis, Israel is head and shoulders above the rest of the world. Some journalists have even written about Israel as “The Holy Land of medical marijuana.” Interestingly, Israel has the highest number of medical cannabis patients per capita, but cannabis still isn’t as widely accepted as it is in places like Canada. Although there may be a hesitation to legalize the plant completely, the Israeli government has a long history of support for cannabis research.
Because of the decades of governmental support in Israel, there are also several participating hospitals supporting preclinical and clinical trials of cannabis among their patients. Thus far, some of these hospital-supported studies have examined the medical value of the plant for pain, chemotherapy, dementia, and geriatric care (among others).
“Longevity, Naturally”
www.sawasdeeclinic.com
สวัสดีคลีนิกเวชกรรม Sawasdee Clinic
ติดต่อสวัสดีคลีนิกเวชกรรม
➡️02-972-4013
➡️02-972-4014
➡️02-972-3981
➡️093-438-1515
➡️098-824-8121
🏥ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ ทุกวัน เวลา 8.00-17.30น.
คลิ้กแอดไลน์ https://line.me/R/ti/p/%40sawasdeeclinic
Line @sawasdeeclinic
สวัสดีคลินิก Thailand’s Leading Medicinal Plant, Medical Cannabis Clinic, คลินิกกัญชา กัญชารักษามะเร็ง คลินิกกัญชาทางการแพทย์ กัญชารักษาโรค แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกัญชา คลินิกกัญชาที่ไหนดี ยาสมุนไพรรักษามะเร็ง รักษามะเร็งที่ไหน หมอมะเร็งเก่งๆ CBD THC กัญชานอนไม่หลับ รักษามะเร็งหาย กัญชารักษามะเร็งหายไหม แพทย์หญิงจินตนา คลินิกกัญชาดีดี
Add a Comment