มะเร็งต่อมไทรอยด์
“โรคไทรอยด์” คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ซึ่งทำหน้าที่ในการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย โดยมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายในสัดส่วนประมาณ 5 ต่อ 1
โรคก้อนที่ต่อมไทรอยด์มักไม่มีอาการ การตรวจพบมักจะเป็นการพบโดยบังเอิญทั้งจากตัวผู้ป่วยเอง จากแพทย์หรือการทำการตรวจทางรังสีด้วยวัตถุประสงค์อื่น อย่างไรก็ดีเมื่อตรวจพบว่ามีก้อนที่ต่อมไทรอยด์ควรเริ่มด้วยการซักประวัติและตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุของก้อนและ เน้นประวัติและตรวจร่างกายที่ชี้บ่งถึงมะเร็งไทรอยด์
มะเร็งไทรอยด์มักไม่โตเร็ว แต่เมื่อใดก็ตามที่พบว่าก้อนโตเร็ว ก้อนมีขนาดใหญ่ แข็ง และยึดติดกับอวัยวะข้างเคียงมักบ่งชี้ถึงมะเร็ง อาการเจ็บที่ก้อน พบได้ในกรณีมีเลือดออกในก้อน อย่างไรก็ดีมะเร็งไทรอยด์ชนิด anaplastic หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองของต่อมไทรอยด์(thyroid lymphoma) อาจจะมีอาการอักเสบที่ผิวหนังเหนือก้อน (erythema) และอาการไข้ ก้อนโตเร็ว และเจ็บที่ก้อนได้ ประวัติการได้รับรังสีที่คอตั้งแต่อายุน้อยก็เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง อาการเสียงแหบ อาการไอ หรือกลืนลำบาก หายใจ มีเสียงผิดปกติแน่นอึดอัดคอเวลานอนหงาย ล้วนบ่งชี้ถึงอาการของก้อนที่โตจนกดเบียดอวัยวะใกล้เคียง บ่อยครั้งที่เราพบมะเร็งไทรอยด์ไม่มีอาการอะไรเลย เพศชาย ผู้ป่วยสูงอายุและการตรวจพบก้อนตั้งแต่อายุน้อยก็เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็ง
โรคไทรอยด์สามารถแบ่งได้ดังนี้
- ไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนเกิน หรือไทรอยด์เป็นพิษไทยรอยด์ชนิดนี้สามารถพบเจอได้ทุกช่วงวัย คนไข้จะมีอาการ มือสั่นใจสั่น ขี้ร้อน ขี้หงุดหงิด เหงื่อออกง่าย นอนไม่หลับ กินจุแต่น้ำหนักลดเหมือนมีการเผาผลาญอยู่ตลอดเวลา น้ำหนักตัวอาจลดลง 5-10 กิโลกรัมภายในระยะเวลา 1 เดือน แม้จะไม่ได้ออกกำลังกาย อย่างไรก็ตามมีผู้ป่วยประมาณ 10% ที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มเนื่องจากกินอาหารในปริมาณที่มากกว่าพลังงานที่ร่างกายเผาผลาญไปทั้งนี้การรักษาทำได้ด้วยการกินยาต้านไทรอยด์ประมาณ 2 ปี ส่วนในระยะยาวหลังจากหยุดยาต้องมาตรวจอีกครั้ง เพราะหลายคนเมื่อหยุดยาก็มีความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นใหม่ถึง 70%
- ไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนต่ำผู้ป่วยโรคไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนต่ำ มักจะมีอาการตรงกันข้ามกับไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนเกิน คือ ไม่ค่อยเผาผลาญน้ำหนักขึ้นง่าย อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉื่อยชา ขี้หนาว ท้องผูก ง่วงบ่อย นอนเยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนอ้วนจะต้องเป็นไทรอยด์เสมอไป เบื้องต้นสามารถสังเกตตัวเองได้จากพฤติกรรมในอดีตกับปัจจุบันว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน หากพบว่ามีความเสี่ยงควรไปตรวจเช็คเพื่อความแน่ใจ สำหรับการรักษาไทรอยด์ที่ผลิตฮอร์โมนต่ำนั้นจะง่ายกว่าไทรอยด์ที่ผลิตฮอร์โมนเกิน เพราะสามารถรักษาได้ด้วยการกินฮอร์โมนไทรอยด์เข้าไป เพื่อให้ฮอร์โมนกลับมาอยู่ในระดับที่สมดุล ร่างกายสามารถเผาผลาญได้ตามปกติ โดยส่วนใหญ่มักจะต้องกินไปตลอดชีวิต
- ก้อนที่ต่อมไทรอยด์ ในกรณีที่พบก้อนที่ต่อมไทรอยด์ คนไข้มักกังวลว่าจะเป็นมะเร็งหรือเปล่า ซึ่งคำตอบคือไม่จำเป็นเสมอไป โดยการจะทราบผลว่าเป็นมะเร็งหรือไม่นั้นจะต้องทำการเจาะก้อนที่ต่อมไทรอยด์เพื่อนำเซลล์ไปตรวจ โดยที่ผ่านมาพบว่ามีเพียง 5% เท่านั้นที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง นอกนั้นก็เป็นเพียงก้อนธรรมดาที่ไม่ได้อันตรายอะไร ซึ่งหากก้อนดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หมอก็ไม่แนะนำให้ผ่าตัดเพราะบริเวณนั้นมีทั้งเส้นเสียง และเส้นเลือดจำนวนมาก แต่ก็ควรตามดูอาการอย่างสม่ำเสมอ
สาเหตุของก้อนที่ต่อมไทรอยด์ซึ่งเป็นมะเร็ง (Malignant etiology)
- มะเร็งที่มีต้นกำเนิดจากเซลล์ไทรอยด์ชนิด follicular หรือ C-cell
1.1 Papillary carcinoma
1.2 Follicular carcinoma
1.3 Hurthle cell carcinoma
1.4 Medullary thyroid carcinoma
1.5 Anaplastic carcinoma - มะเร็งที่มีต้นกำเนิดจากเซลล์นอกเหนือจากเซลล์ไทรอยด์
2.1 Lymphoma
2.2 Malignancy metastasis
ทั้งนี้ สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง คือ ไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนเกินกับไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนต่ำนั้นไม่ได้มีสาเหตุของการเกิดโรคที่ชัดเจน แต่ในทางการแพทย์เชื่อว่ากรรมพันธุ์อาจมีส่วน โดยคนไข้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีครอบครัวที่เป็นโรคไทรอยด์เหมือนกัน สมมุติว่าคุณพ่อเราเป็นโรคไทรอยด์ เราก็อาจจะมีสิทธิ์เป็นไทรอยด์มากกว่าคนอื่น ขณะที่การรับประทานไอโอดีนในปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไปก็อาจทำให้มีความเสี่ยงได้เช่นกัน
ขอบพระคุณ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
“Longevity, Naturally”
www.sawasdeeclinic.com
สวัสดีคลีนิกเวชกรรม Sawasdee Clinic
Add a Comment