สวัสดีคลีนิก กัญชาทางการแพทย์ กัญชารักษาโรค กัญชารักษามะเร็ง

จีนแผ่นดินใหญ่ตำรับยาโบราณ ยากัญชารักษาจักรพรรดิ

กัญชาในภาพประวัติศาสตร์จีนโบราณ

ในทวีปเอเชียแต่โบราณกาลมีการบันทึกการใช้กัญชาทางการแพทย์ เพื่อการรักษาโรค อาหาร ผสมผสานในวัฒนธรรมต่างๆมากมาย ทั้ง อินเดีย จีน ญี่ปุ่น ก่อนเผยแพร่มาสู่เอเชียตะวันออกเชียงใต้ และไทยต่อมา

มีบันทึกการใช้กัญชงย้อนหลังไปถึงยุคหินโดยมีรอยพิมพ์ใยกัญชงที่พบในเศษเครื่องปั้นดินเผาในไต้หวันไม่ไกลจากชายฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งมีอายุมากกว่า 10,000 ปี

“กัญชา” นับเป็นพืชที่มีอยู่ในตำรับยาไทยโดยมีจารึกไว้ในตำรายาต่างๆ จำนวนมาก

เมื่อ 4,700 ปีที่แล้ว โดยจักรพรรดิเสินหนงแห่งประเทศจีน ส่วนในประเทศไทย มีหลักฐานบันทึกการใช้กัญชาในการรักษาโรคมาตั้งแต่สมัยอยุธยาในยุค สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในตำรับแพทย์แผนไทยถึง 98 ตำรับ

พ.ศ. 2381 (ค.ศ.1838) นายแพทย์ William Brooke O’Shaughnessy บุคคลแรก

ที่เผยแพร่สรรพคุณพืชกัญชาแก่วงการแพทย์ตะวันตก จากการรักษาคนไข้ในอินเดีย
ทำให้ยากัญชาเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมนับแต่นั้นเป็นต้นมา

พ.ศ. 2539 (ค.ศ.1996) อเมริกาสามารถนำกัญชามารักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคเอดส์

https://www.sawasdeeclinic.com/japan-cannabis-railroad/

กัญชาถูกอ้างอิงถึงในวรรณกรรมของการแพทย์แผนจีนต่างๆ แม้ว่ากัญชาเพื่อการรักษาโรคอาจเป็นแหล่งศึกษาใหม่ในสังคมตะวันตก แต่พืชชนิดนี้ได้รับการบันทึกไว้ในตำราทางการแพทย์ของจีนเป็นเวลากว่าหลายพันปี วารสาร Frontiers in Pharmacology นำเสนอวรรณกรรมทางการแพทย์จีนโบราณนี้ว่า กัญชาได้รับการปลูกในประเทศจีนเป็นเวลาหลายพันปีเพื่อใช้เป็นแหล่งของเส้นใยอาหารและยา วรรณกรรมจีนคลาสสิกจะเล่าถึงเรื่องราวของกัญชาโดยการใช้เมล็ด น้ำมันจากเมล็ด หรือใช้เส้นใยมาสวมใส่เป็นหลัก และตำราการแพทย์จะมีการอ้างอิงถึงกัญชาเพื่อการรักษาเสมอ เหมือนดังเช่นตำราการแพทย์แผนไทย

ความเข้าใจเกี่ยวกับกัญชาของชาวจีนโบราณ คุณสมบัติดังต่อไปนี้ถูกอธิบายไว้ในตำราการแพทย์ดั้งเดิมเกษตรกรผู้ยิ่งใหญ่ Divine Farmer’s Classic of Materia Medica ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 – 2 กล่าวว่า “ รสชาติ: มีกลิ่นฉุน; รสสมดุล ควบคุมธาตุห้าจุดและซ่อมแซมร่างกายเจ็ดประการให้ประโยชน์แก่อวัยวะภายในทั้งห้า กระจายทางสายเลือด และธาตุเย็น การบริโภคที่มากเกินไปทำให้คนเห็นผีและวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง การบริโภคเป็นเวลานานจะปลดปล่อยแสงวิญญาณและทำให้ร่างกายสว่างขึ้น” ในคำอธิบายเบื้องต้นนี้มีการเพิ่มในภายหลังว่าใช้ในการ “สลายการสะสมบรรเทาสิ่งกีดขวางและทำให้หนองกระจายออกไป” ในคริสต์ศตวรรษที่ 6 กัญชาถูกขึ้นชื่อว่าใช้ในการ “ขจัดสิ่งแปลกปลอม” ซึ่งเป็นโรคสร้างอาการเจ็บปวดรุนแรง การใช้กัญชาเพื่อรักษาอาการปวดอาจย้อนไปได้ไกลถึงศตวรรษที่ 3 เมื่อแพทย์ชื่อดังฮัวโต๋ได้พัฒนาสูตรยาชาที่เรียกว่า 麻沸散 หมาเฟ่ยซ่านหรือผงกัญชา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากส่วนผสมที่ใช้ในสูตรโบราณของหมาเฟ่ยซ่านสูญหายไป นอกจากนี้มีรายงานว่าแพทย์ในราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 581-683) ใช้น้ำคั้นจากใบกัญชาบดเพื่อรักษาอาการปวดอย่างรุนแรงจากกระดูกที่ร้าว

ช่วงคศ. 1070 ตำราแห่งราชวงศ์ซ่งชื่อ ภาพประกอบตำราวัตถุทางการแพทย์ อ้างถึงวิธีการเตรียมกัญชาเพื่อรักษาอาการปวดอย่างรุนแรง สูตรกำหนดให้แช่เมล็ดกัญชาในน้ำ จากนั้นตะกอนที่เก็บจากก้นน้ำผัดจนมีกลิ่นหอมในภาชนะเงินและบดเป็นผงสีขาวละเอียด จากนั้นนำไปต้มกับแอลกอฮอล์และรับประทานภายในขณะท้องว่าง มีความเป็นไปได้ว่าสารเตรียมนี้จะให้สารแคนนาบินอยด์เนื่องจากต่อมเรซินจะจมลงในน้ำและความร้อนจากการผัดจะทำให้เกิดสาร THC ที่สามารถใช้งานได้ทางชีวภาพซึ่งสามารถสกัดได้เมื่อต้มด้วยแอลกอฮอล์ เรียกว่าเป็นวิวัฒนการของแพทย์โบราณที่มีวิธีการคล้ายคลึงกับการทำน้ำมันกัญชาเบื้องต้นในปัจจุบัน มีการปรุงยาที่ระบุว่ารักษาคนไข้ที่มี “ผลกระทบทางจิตใจและความเจ็บป่วยทางจิต” กล่าวไว้ดังต่อไปนี้ “ทานดอกกัญชากับโสม” ทำให้คนไข้ “รอบรู้เรื่องสี่ทิศ” และยังรักษาอาการหลงลืม ยังมีตำราบันทึกกล่าวกันว่ากัญชาสามารถรักษาอาการถอนลมซึ่งเป็นคำดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยทางจิต

การแพทย์และตำรายาจีนร่วมสมัยก็มีการระบุข้อมูลการรักษาด้วยกัญชา ตัวอย่างเช่นในสารานุกรม Great Encyclopedia of Chinese Medicinals ได้กล่าวไว้ว่ากัญชา “ปัดเป่าลมบรรเทาความเจ็บปวดและชำระบาดทะยัก” (โรคดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับอาการกระตุกอย่างรุนแรง) ดังนั้นจึงมีข้อเสนอแนะว่าสามารถใช้กัญชาในการรักษาโรคเกาต์ นอนไม่หลับ หอบและไอ เลือดและธาตุเย็นชำรุด และตำราแพทย์สารสมุนไพรในปี พ.ศ. 2478 แพทย์แผนจีนแนะนำให้ใช้กัญชาในหลาย ๆ เงื่อนไขเช่นปวดศีรษะ ประจำเดือนผิดปกติ โลหิตจางและไอแห้ง เป็นต้น

“Longevity, Naturally”

www.sawasdeeclinic.com

สวัสดีคลีนิกเวชกรรม Sawasdee Clinic

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *