- โรคพาร์กินสันเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุทั่วโลก องค์การอนามัยโลกได้รายงานความชุกของโรคพาร์กินสันในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี ค.ศ. 2000 ไว้ประมาณ 0.27-0.44 ต่อประชากร 1000 คน มีรายงานจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคพาร์กินสันจากประเทศจีนถึง 1.7 ล้านคน หรือประเทศเกาหลีมีความชุกประมาณร้อยละ 0.37-1.47 สำหรับในประเทศไทยนั้นจากการศึกษาในโครงการ การลงทะเบียนผู้ป่วยโรคพาร์กินสันในประเทศไทย พบว่าในเขตเมืองมีความชุกของโรคพาร์กินสันประมาณ 126.83 คนต่อประชากร 100,000 คน และในเขตชนบทมีความชุกของโรคพาร์กินสันประมาณ 90.82 คนต่อประชากร 100,000 คน ประกอบกับจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นและจะเพิ่มเป็นเท่าตัวในอีก 15 ปีข้างหน้า จึงทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคพาร์กินสันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามมา
- โรคพาร์กินสันเป็นโรคความเสื่อมของระบบประสาทที่พบได้มากกว่าร้อยละ 50 ในผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ในกลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติ (movement disorders) ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุของโรคอย่างชัดเจน แต่เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายว่าเซลล์ประสาทที่สร้างสารโดปามีน (dopaminergic neurons) ในบริเวณ substantial nigra par compacta และส่วนที่เกี่ยวข้องใน striatum ของสมองก้อนใหญ่มีความเสื่อมอย่างต่อเนื่องเป็นผลให้เกิดอาการหลักทางการเคลื่อนไหวของโรคพาร์กินสัน ได้แก่ อาการสั่นเมื่ออยู่นิ่ง (resting tremor) การเคลื่อนไหวช้า (bradykinesia) แข็งเกร็ง (rigidity) การเดินติดขัดและเสียการทรงตัว (postural instability)
Download – ผู้ป่วยพาร์กินสัน และผู้ดูแล ต้องอ่าน
- การประเมินอาการบางอย่างในผู้ป่วยพาร์กินสัน เช่น อาการสั่น ซึ่งสามารถตรวจวัดในเชิงปริมาณได้ด้วยเครื่องมือตรวจวัดอาการสั่นได้ โดยทางคณะผู้วิจัยคาดว่าในโรคพาร์กินสันอาจมีแบบแผนของอาการสั่นที่จำเพาะและสามารถช่วยในการวินิจฉัยแยกโรคจากภาวะอื่นที่มีอาการสั่นคล้ายคลึงกับโรคพาร์กินสันได้ เช่น ในโรค essential tremor, atypical parkinsonism, อาการสั่นเนื่องมาจากยาบางชนิด (drug-induced tremor), อาการสั่นเนื่องจากการเกร็ง (dystonia tremor), อาการสั่นที่เกิดจากปัญหาของเส้นประสาทส่วนปลาย (neuropathic tremor) เป็นต้น
- ซึ่งในแต่ละโรคมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นหากสามารถหาแบบแผนของอาการสั่นดังกล่าวได้ อาจช่วยทำให้การวินิจฉัยโรคพาร์กินสันมีความแม่นยำมากขึ้น นอกจากการวินิจฉัยแล้ว การประเมินผู้ป่วยเพื่อติดตามอาการ และดูการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน มีความสำคัญมากเนื่องจากผู้ป่วยบางรายอาจมีปัญหาในเรื่องของการตอบสนองต่อยาไม่สม่ำเสมอ เช่น มีอาการยุกยิก (dyskinesia) อาการแข็งเกร็ง (rigidity) หรือ อาการสั่น(tremor) ที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ยาออกฤทธิ์หรือหมดฤท
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_1830,h_1274/https://www.sawasdeeclinic.com/wp-content/uploads/2020/09/พาร์กินสัน-สวัสดีคลีนิก-1.png)
![](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_webp,q_glossy,ret_img,w_1024,h_1024/http://www.sawasdeeclinic.com/wp-content/uploads/2020/09/พาร์กินสัน-สวัสดีคลีนิก-1024x1024.png)
Cannabinoids หลายชนิดมีศักยภาพในการป้องกันระบบประสาทที่ดี ด้วยการจับกับตัวรับ CB1 ในเซลล์ประสาท นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการต้านการอักเสบซึ่งเป็นสื่อกลางโดยตัวรับ CB2 ในที่สุดแม้ว่า cannabinoids ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือสารประกอบต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ แต่การปกป้องเซลล์ประสาทจากความเสียหายของความเครียดออกซิเดชัน (ปัจจัยที่สำคัญมากในโรคพาร์คินสัน) โดยไม่ขึ้นกับตัวรับเนื่องจากโครงสร้างโมเลกุลหรือเป็นสื่อกลางโดยตัวรับอื่นที่ไม่ใช่ cannabinoid เช่นตัวรับ PPAR ของนิวเคลียร์ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สิ่งนี้แสดงให้เห็นในการศึกษาทางคลินิกหลายครั้ง (ในหลอดทดลองและในรูปแบบสัตว์ทดลอง) สำหรับโรคต่างๆ ได้แก่ โรคอัลไซเมอร์ โรคฮันติงตัน โรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อมและ เส้นโลหิตตีบ
ที่สำคัญ ในส่วนสมองบริเวณของปมประสาทฐานที่กระทบต่อโรคพาร์คินสันมีตัวรับสารกัญชาหรือ CB1 cannabinoid ความหนาแน่นสูงมาก หน้าที่อย่างหนึ่งของระบบเอนโดแคนนาบินอยด์คือการควบคุมการเคลื่อนไหว เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ในโครงสร้างนี้เกี่ยวกับศักยภาพที่การจัดการโรคพาร์คินสัน การศึกษาเชิงสังเกตดูชี้ให้เห็นว่ากัญชาสามารถปรับปรุงระบบการควบคุมร่างกายได้ ในการศึกษาผู้ป่วยที่บริโภคกัญชารายงานว่ามีอาการดีขึ้น ได้แก่ อาการสั่นการเคลื่อนไหวที่ควบคุมไม่ได้ ปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับและความเจ็บปวดกล้ามเนื้อร่างกาย ในการศึกษาอื่นที่มีการบริหาร CBD ผู้ป่วยรายงานว่าอาการทางจิตใจและปัญหาการนอนหลับดีขึ้น
Cannabinoid ได้รับการพัฒนาเป็นยารักษา ความเสื่อมของร่างกาย ความผิดปกติทางอารมณ์ และความผิดปกติของการเคลื่อนไหว สำหรับคนไข้โรคพาร์กินสัน ส่วนประกอบของระบบ endocannabinoid มีอยู่มากใน striatum และส่วนอื่น ๆ ของ basal ganglia และมีบทบาทสำคัญในการปรับการหลั่ง dopamine และการประสานการทำงานของร่างกาย ลดการขาดโดปามีนในขั้วประสาทของ striatum ในสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคพาร์กินสัน
“Longevity, Naturally”
ติดต่อสวัสดีคลีนิกเวชกรรม
➡️02-972-4013
➡️02-972-4014
➡️02-972-3981
➡️093-438-1515
➡️098-824-8121
🏥ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ ทุกวัน เวลา 8.00-17.30น.
คลิ้กแอดไลน์ https://line.me/R/ti/p/%40sawasdeeclinic
สวัสดีคลินิก Thailand’s Leading Medicinal Plant, Medical Cannabis Clinic, คลินิกกัญชา กัญชารักษามะเร็ง คลินิกกัญชาทางการแพทย์ กัญชารักษาโรค แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกัญชา คลินิกกัญชาที่ไหนดี น้ำมันกัญชา
กัญชา น้ำมัน กัญชา ราคา สรรพคุณน้ำมันกัญชา สกัด น้ำมันกัญชา ข้อดีของกัญชา สรรพคุณน้ำมันกัญชา sativa กัญชา ทางการ แพทย์ medical cannabis กัญชา รักษา โรค medical marijuana medical canabis กัญชารักษาโรคมะเร็ง กัญชารักษาโรค อะไรได้บ้าง
Add a Comment